วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

Earth Day 2013 คือวันอะไร? ความสำคัญและกิจกรรมใน Earth Day 2013


ทุกวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าเป็นวันอะไร จริงๆ แล้ววันนี้เป็น "วันคุ้มครองโลก" (Earth Day 2013) เราลองมาดูกันนะครับว่าวันนี้มีความสำคัญอย่างไรบ้างครับ

กิจกรรมหลักในวันคุ้มครองโลก 2556 (Earth Day 2013)

สำหรับปีนี้หัวข้อกิจกรรมก็คือ The Face of Climate Change โดยมีการเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปร่วมส่งภาพที่สื่อถึงการเข้าร่วมกิจกรรมสนับสนุนวันคุ้มครองโลกในปีนี้ โดยอาจจะเป็นการส่งภาพที่สื่อถึงหัวข้อกิจกรรมหลักในปีนี้ ซึ่งเด็กๆ หลายคน จากหลายๆ ประเทศได้ทำการส่งภาพของตนที่ถือป้ายที่เขียนคำว่า "The Face of Climate Change" เพื่อบ่งบอกว่า ตนต้องการสนับสนุนแนวคิดของวันคุ้มครองโลกในปีนี้ครับ
โดยคุณสามารถดูและร่วมส่งภาพที่เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดได้ที่ http://www.earthday.org/2013/ ครับ

วันคุ้มครองโลกคือวันอะไร?

วันคุ้มครองโลก หรือ เอิร์ธเดย์ (Earth Day) ตรงกับวันที่ 22 เมษายนของทุกปี ได้รับประกาศโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งองค์การสหประชาชาติ (United Nations Environment Program "UNEP") เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 เป็นครั้งแรก โดยในประเทศไทย ได้มีการจัดให้มีกิจกรรมวันคุ้มครองโลกเป็นประจำทุกปี โดยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรีนพีซ

ประวัติวันคุ้มครองโลก (Earth Day)

วันคุ้มครองโลกนี้ เริ่มต้นโดย สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา เกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson)  เมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยทางวุฒิสมาชิกเนลสันได้ตัดสินใจขอให้ยกเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ กับทางประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ซึ่งเป็นประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยนั้น   ซึ่งทางเคเนดีเห็นด้วยและได้ออกทัวร์ทั่วประเทศ เป็นเวลา 5 วัน 11 รัฐ ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2506 ซึ่งการทัวร์ครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของการริเริ่มวันคุ้มครองโลก

จนกระทั่่งในปี พ.ศ. 2512 ทางวุฒิสมาชิกเนลสันได้ผลักดันให้มีการจัดการชุมนุมประชาชนทั่วประเทศ เพื่อให้แสดงความคิดเห็นในปัญหาสิ่งแวดล้อม และได้มีการเชิญชวนให้ทุก ๆ คนร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลจากการชุมนุมในครั้งนี้ ทำให้เกิดกระแสความห่วงใยในวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ของสังคมอเมริกันใน ขณะนั้น ซึ่งเป็นหนทางในการนำสู่ความสำเร็จของการก่อตั้งวันคุ้มครองโลกขึ้นต่อมา

แล้วคุณล่ะครับ รักและห่วงใยโลกนี้กันบ้างไหมครับ :)

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

เข้า Windows ไม่ได้เพราะไวรัส แก้ไขด้วย Kaspersky Rescue Disk


หลายคนที่ใช้งานระบบปฎิบัติการ Windows อาจจะเคยประสบปัญหาการถูกโจมตีจากไวรัส จนไม่สามารถที่จะ Boot เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองได้เลย วันนี้มานาคอมพิวเตอร์ขอนำเสนออีกวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ด้วยการใช้ Kaspersky Rescue Disk ครับ

โดย Kaspersky Rescue Disk เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการกู้ระบบปฎิบัติการ Windows ที่ถูกโจมตีจากไวรัสขั้นรุนแรง จนไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ Windows ปกติ (หรือแม้แต่การเข้า Safe Mode ก็ตาม) แม้ว่า ปัญหาการเข้าสู่ระบบ Windows ไม่ได้ อาจจะไม่ได้เกิดมาจากสาเหตุของไวรัสทั้งหมดก็ตาม แต่เมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้น ไวรัสก็น่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆ นะครับ

แม้ว่าปกติแล้ว โปรแกรมป้องกันไวรัสชื่อดังอย่าง Kaspersky จะไม่ได้เป็นโปรแกรมแบบฟรี แต่ในตัว Kaspersky Rescue Disk เป็นบริการที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายจาก Kaspersky ครับ

หากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณไม่เกิดปัญหาจนถึงขั้นบู้ตเข้า Windows ไม่ได้ Kaspersky Rescue Disk ก็จะเป็นเครื่องมีอที่ช่วยตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของเราได้ครับว่า เครื่องของเรามีอะไรแปลกปลอมแฝงอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของเราหรือไม่ครับ โดยคุณสามารถดาวน์โหลด Kaspersky Rescue Disk เวอร์ชั่นล่าสุดที่พร้อมการอัพเดทฐานข้อมูลแอนตี้ไวรัสเป็นปัจจุบันได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ครับ

ดาวน์โหลด Kaspersky Rescue Disk 10 (ขนาดไฟล์ 262 MB)

เมื่อทำการดาวน์โหลด คุณจะได้ไฟล์ที่ชื่อว่า kav_rescue_10.iso ซึ่งคุณสามารถใช้โปรแกรมเขียนไฟล์นามสกุล iso ลงแผ่นซีดีอย่าง IMGBurn (อันนี้ผมใช้อยู่ครับ ฟรีและดีแน่นอนครับ) หรือคุณจะเขียนลง USB ก็ได้ครับ โดยใช้โปรแกรม Utility to record Kaspersky Rescue Disk 10 to USB devices (ในกรณีที่เครื่องของคุณไม่มีเครื่องอ่านซีดี)

ผมขอยกตัวอย่างการใช้งานเมื่อเราทำการเขียน Kaspersky Rescue Disk ลงแผ่นแล้ว ให้คุณใส่แผ่นซีดีลงคอมพิวเตอร์ ทำการ Restart หนึ่งรอบ เมื่อเครื่องเปิดขึ้นมาอีกครั้งให้คุณทำการตั้งค่าใน Bios เพื่อให้เครื่องทำการ Boot จากแผ่นซีดีเป็นอันดับแรก ตามรูปด้านล่าง (ซึ่งปุ่มแต่ละเครื่องอาจจะแตกต่างกันไปนะครับ บางเครื่องก็กด F2 บางเครื่องก็กด F8 ลองตรวจสอบจากคู่มือการใช้งานเมนบอร์ดนะครับ  )



เมื่อทำการตั้งค่าและ Restart อีกรอบแล้ว คุณจะพบหน้าจอตามรูปด้านล่างครับ



ให้คุณทำการกดปุ่มใดๆ ก็ได้เพื่อเริ่มการทำงานในขั้นต่อไปครับ



มาส่วนในหน้าของภาษาที่ใช้ ให้คุณเลือกภาษาอังกฤษครับ เพราะโปรแกรมนี้ยังไม่มีภาษาไทยครับ



เมื่อเจอหน้าตามรูปด้านบน ให้คุณกดปุ่ม 1 เพื่อเป็นการยอมรับเงื่อนไขการใช้งานโปรแกรมนี้ครับ





ถัดมาจะเป็นหน้าเมนูหลัก โดยแต่ละหัวข้อจะมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้ครับ

  • Kaspersky Rescue Disk. Graphic Mode = เป็นการสแกนไวรัสโดยแสดงผลเป็นภาพกราฟฟิค เพื่อให้ดูเข้าใจง่ายครับ

  • Kaspersky Rescue Disk. Text Mode = เป็นการสแกนไวรัสเหมือนกับข้อแรก แต่ไม่มีภาพกราฟฟิค แต่แสดงเป็นตัวอักษรแทนครับ

  • Hardware Info = เป็นการแสดงรายละเอียดของคอมพิวเตอร์เครื่องที่กำลังจะทำการสแกน

  • Boot from Harddisk = เปลี่ยนการ Boot จากเรียกจากแผ่นซีดีไปเป็นฮาร์ดดิสก์

  • Reboot = ทำการรีสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง

  • Shutdown = ปิดเครื่อง

โดยเมื่อคุณต้องการที่จะสแกนไวรัส ผมขอแนะนำให้เลือกที่ Kaspersky Rescue Disk. Graphic Mode เมื่อเลือกแล้วจะเจอหน้าตาตามรูปด้านล่างครับ ให้คุณทำการอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสให้เป็นตัวล่าสุดก่อนนะครับ (อย่าลืมตั้งค่าให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยนะครับ) โดยคลิ้กที่แทป My Update Center แล้วคลิ้กที่ปุ่ม Start Update ครับ



เมื่ออัพเดทฐานข้อมูลไวรัสแล้ว ก็ทำการสแกนโดยการเลือกที่แทป (หมายเลข 1) , เลือกไดร์วที่ต้องการจะสแกน (หมายเลข 2) เสร็จแล้วก็เลือก  (หมายเลข 3) เพื่อเริ่มการสแกนครับ



รอเวลาสักระยะหนึ่งจนกว่าโปรแกรมจะทำการสแกนเสร็จครับ หากโปรแกรมตรวจเจอไวรัส จะทำการแสดงหน้าต่างตามรูปข้างล่างครับ ให้คุณเลือกข้อใดข้อหนึ่งคือ



  • Disinfection is not possible = ไม่สามารถฆ่าไวรัสตัวนั้นได้

  • Delete = ลบ (แนะนำ)

  • Skip = ข้ามขั้นตอนนี้

ให้คุณเลือกที่ Delete ครับ หากต้องการให้โปรแกรมทการลบไวรัสทุกครั้งที่เจอ ให้ติ้กที่ Apply to All Objects ก่อนทำการเลือก Delete ครับ

หวังว่า Kaspersky Rescue Disk จะช่วยแก้ปัญหาไวรัสให้คุณได้นะครับ

เข้า Facebook ไม่ได้...ใบรับรองความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ยังไม่ถูกต้อง!


วันนี้มีคำถามหนึ่งที่หลายคนอาจจะเจอมากับตัวเอง นั่นคือ ไม่สามารถเข้า Facebook ได้ โดยเมื่อพิมพ์เข้า www.facebook.com โดยขึ้นข้อความดังนี้ "ใบรับรองความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ยังไม่ถูกต้อง!"  วันนี้มานาคอมพิวเตอร์จะขอแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาที่ง่ายจนคุณคาดไม่ถึงเลยครับ

ข้อความที่เตือนว่า "ใบรับรองความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ยังไม่ถูกต้อง!" และมีรายละเอียดของข้อมูลดังนี้

คุณพยายามที่จะเข้าถึง www.facebook.com แต่เซิร์ฟเวอร์แสดงใบรับรองที่ยังไม่ถูกต้อง ไม่มีข้อมูลที่ระบุได้ว่าใบรับรองนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ Google Chrome ไม่สามารถรับประกันได้ว่าคุณกำลังสื่อสารกับ www.facebook.com ไม่ใช่กับผู้บุกรุก เวลาปัจจุบันในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณถูกตั้งค่าเป็น วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555, 11:53:49 เวลานี้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ คุณควรจะแก้ไขให้ถูกต้องและรีเฟรชหน้าเว็บนี้
คุณไม่ควรดำเนินการต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่เคยเห็นคำเตือนนี้มาก่อนสำหรับไซต์นี้

เมื่อคุณเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ที่มีการรักษาปลอดภัย เซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการพื้นที่เว็บไซต์นั้นจะแสดงสิ่งที่เรียกว่า "ใบรับรอง" ให้กับเบราว์เซอร์ของคุณเพื่อตรวจสอบข้อมูลประจำตัว ใบรับรองนี้ประกอบด้วยข้อมูลประจำตัว เช่น ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่ได้รับการยืนยันโดยบุคคลที่สามที่คอมพิวเตอร์ของคุณเชื่อถือ โดยการตรวจสอบว่าที่อยู่ในใบรับรองตรงกับที่อยู่ของเว็บไซต์ คุณสามารถยืนยันว่าคุณกำลังสื่อสารอย่างปลอดภัยอยู่กับเว็บไซต์ที่คุณต้องการเข้าชม ไม่ใช่ติดต่ออยู่กับบุคคลที่สาม (เช่น ผู้โจมตีในเครือข่ายของคุณ)

ใบรับรองมีช่วงเวลาที่มีผลบังคับใช้เช่นเดียวกับเอกสารข้อมูลประจำตัว (เช่น หนังสือเดินทาง) ที่คุณมี ใบรับรองการที่แสดงในเบราว์เซอร์ของคุณยังไม่ถูกต้อง เมื่อใบรับรองไม่อยู่ภายในช่วงเวลาที่มีผลบังคับใช้ ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสถานะของใบรับรอง (ไม่ว่าจะเนื่องมาจากถูกเพิกถอนหรือไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป) จะไม่ถูกเก็บรักษาไว้ ดังนั้น จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าใบรับรองนี้น่าเชื่อถือหรือไม่ คุณไม่ควรดำเนินการต่อ 

แนวทางการแก้ไขปัญหา ใบรับรองความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ยังไม่ถูกต้อง


ไม่ต้องตกใจไปครับ เครื่องคุณไม่ได้โดนไวรัสร้ายแรงอะไร เพียงแต่มันเป็นเรื่องของ "การตั้งค่าเวลาที่ไม่เป็นปัจจุบันครับ" สังเกตได้ว่า วันเวลา ณ ปัจจุบันนี้ คือวันที่ 16 สิงหาคม 2555 แต่เครื่องของคุณกลับเป็นเวลา วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555, 11:53:49 ซึ่งการเพี้ยนของเวลานั้นอาจจะเครื่องจากโปรแกรมบางตัวอาจไปทำการปรับตั้งค่าเวลาในเครื่องคอมพิวเเตอร์ใหม่ให้เพี้ยนไปจากเดิมครับ แค่คุณปรับเวลาให้กลับมาเป็นปัจจุบัน ก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้แล้วครับ

วิธีการปรับตั้งค่าเวลาในเครื่องคอมพิวเตอร์


ขั้นแรก ให้คุณลองมองที่มุมด้านล่างขวาของหน้าจอคอมพิวเตอร์นะครับ จะเห็นเวลาและวันที่อยู่



ให้คลิ้กขวาที่บริเวณเวลาและวันที่นั้น เลือก Adjust date/time ครับ



จะมีหน้าต่างข้อมูลเกี่ยวกับวันที่และเวลาในเครื่องนะครับ ให้เช็คดูว่า ตรงกันวันที่และเวลาปัจจจุันหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ตรง ให้คลิ้กที่



ทำการปรับวันที่ และเวลาให้ถูกต้องครับ เมื่อตรงดีแล้วให้คลิ้กที่ OK (หมายเลข 1) แล้วค่อยคลิ้กที่ Apply (หมายเลข 2) ครับ



แค่นี้ก็จะช่วยแก้ปัญหาที่คุณเข้า Facebook ไม่ได้ เพราะใบรับรองไม่ถูกต้องแล้วครับ

การแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์เปิดไม่ติดเนื่องจาก Power Supply


วันนี้มีคำถามหนึ่งจากผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ท่านหนึ่งได้ถามมาว่า "ผมเล่นคอมอยู่เฉยๆ แล้วก็ดับไปซะงั้น ทั้งๆที่มีเครื่องสำรองไฟด้วย แล้วพอเปิดอีก ก็ไม่ติด เหมือนไฟไม่เข้าอะครับ" ซึ่งผมได้ลองวิเคราะห์อาการเบื้องต้น คิดว่าน่าจะมาจาก Power Supply ครับ

ปัญหาคอมพิวเตอร์เปิดไม่ติดเนื่องจาก Power Supply


ลักษณะอาการของปัญหานี้โดยส่วนมากจะพบเหมือนๆ กันก็คือ อยู่ดีๆ คอมพิวเตอร์ก็เปิดไม่ติด โดยอาการเหมือนไม่มีไฟเข้าเครื่องเลย (ไม่สามารถเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ หรือเปิดเครื่องตรงส่วนเคสคอมพิวเตอร์ได้) ซึ่งปัญหานี้ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับ Power Supply รุ่นที่ติดมากับเคสคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ผลิตเคสบางยี่ห้ออาจจะนำ Power Supply คุณภาพต่ำมาใส่ในเคสเพื่อทำให้ราคาถูก เมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ผู้ใช้เคสเหล่านี้อาจจะประสบปัญหานี้ได้ครับ


ถ้าเป็นเคสคอมพิวเตอร์แบบตั้ง ส่วนใหญ่ Power supply จะอยู่ด้านหลังบนของเคสครับ (จากรูปตรงสติ๊กเกอร์สีเขียวนั้นแหละครับ)


แนวทางการแก้ไขปัญหานี้


หากคุณพอมีความสามารถในการถอดหรือประกอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ ให้คุณลองถอด Power Supply แล้วนำตัว Power Supply จากเครื่องอื่นมาทดลองติดเข้าไปในเคสที่มีปัญหาครับ

ถ้าเปลี่ยนแล้ว - ยังเปิดไม่ติด แสดงว่า ปัญหามิได้เกิดจาก Power Supply

ถ้าเปลี่ยนแล้ว - เปิดติด ใช้งานได้ปกติ แสดงว่า Power Supply เป็นต้นเหตุของปัญหาครับ โดยส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ชิ้นนี้ มักจะไม่มีการซ่อมครับ ส่วนมากจะซื้อใหม่เลย ให้คุณลองตรวจสอบราคาของ Power Supply จากร้านผู้ให้บริการ

แต่ถ้าคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ ให้ลองยกเคส ไปให้ร้านผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ช่วยดูให้หน่อยครับ ซึ่งร้านโดยทั่วไปมักจะเปลี่ยนให้โดยไม่คิดค่าแรงครับ (เพราะเราไปซื้อของเขานิครับ หากเจอร้านคิดค่าแรง ยกไปหาร้านอื่นเลยครับ)

โดยส่วนใหญ่แล้ว ราคาของ Power Supply แบบใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาท หากเครื่องของคุณมีไว้สำหรับเล่นเกมส์สเปคสูงๆ ซึ่งต้องกินไฟมาก และการจ่ายไฟจะต้องนิ่ง ขอแนะนำ Power Supply รุ่นสูงหน่อย ราคาอาจจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไปครับ

หวังว่า บทความนี้จะช่วยแก้ปัญหาที่คุณกำลังประสบอยู่ได้นะครับ

การแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์แสดงผลภาษาจีน,เกาหลี,ญี่ปุ่นเป็นรูปสี่เหลี่ยม (Windows 7,8)


สำหรับผู้ที่ใช้งานเอกสารหรืองานต่างๆ บนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ Windows อย่าง Windows 7 หรือ Windwos 8 ที่จะต้องมีความเกี่ยวข้องในการใช้งานภาษาอื่นๆ นอกเหนือจากภาษาไทยและอังกฤษ โดยอาจจะต้องใช้ภาษาจีน,เกาหลี หรือภาษาญี่ปุ่น ซึ่งบางครั้งการแสดงผลของภาษาเหล่านี้จะออกมาไม่สมบูรณ์ เช่นแสดงผลเป็นรูปสี่เหลี่ยม หลายคนก็พยายามหาทางแก้ไข แต่ก็ยังทำไม่ได้สักที วันนี้ iT7Up ขอนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหานี้มาให้คุณลองใช้แก้ดูนะครับ

วิธีการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์แสดงผลภาษาจีน,เกาหลี,ญี่ปุ่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมบน Windows 7 หรือ 8

ขั้นแรก ให้คุณไปยังหน้าของ Control panel (สำหรับ Windows 7 ให้คลิ้กที่รูปโลโก้ windows ที่มุมด้านล่างซ้ายของจอ ส่วน Windows 8 ถ้าคุณหา Control panel ไม่เจอ ให้ลองทำตามขั้นตอนนี้ครับ )

ทำการเลือกที่หัวข้อ Region and Language/Administrative  เมื่อเปิดหน้าต่างให้เลือกที่ "Change System Locale".



ทำการเลือกเป็น Chinese



เสร็จแล้วให้ทำการ Restart เครื่อง 1 รอบ ลองสังเกตดูว่า คุณจะโฟลเดอร์ที่เคยชื่อเป็นรูปตัวสี่เหลี่ยมจะกลับเป็นภาษาจีนอย่างถูกต้องแล้ว



กลับไปทำตามขั้นตอนเดิมที่ Control Panel > Region and Language/Administrative > แต่เปลี่ยนตรง "Change System Locale". ให้กลับเป็น English

Restart เครื่องอีกครั้งหนึ่ง

แค่นี้เครื่องของคุณก็จะสามารถอ่านตัวอักษรภาษาจีน เกาหลี หรือ ญี่ปุ่นได้แล้วครับ

การแก้ปัญหา logon process initialization failure


สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ระบบปฎิบัติการ Windows อาจจะเจอปัญหาหนึ่งซึ่งมีข้อความขึ้นมาเวลาเปิดเครื่องว่า "logon process initialization failure" วันนี้มานาคอมพิวเตอร์มาขอแนะนำวิธีการแก้ไขกันดูนะครับ

การแก้ปัญหา logon process initialization failure


ปัญหานี้จะเกิดขึ้นมาเมื่อผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทำการเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาจะเจอข้อความตามภาพนี้ครับ

logon-process-initialization-failure-solve-problem-1

แนวทางการแก้ไขปัญหานี้ ให้คุณค่อยๆ ทำตามแต่ละขั้นตอนดูนะครับ

ขั้นแรก ให้คุณทำการอัพเดท Windows ให้เป็นการอัพเดทล่าสุดก่อนนะครับ โดยไปที่ Start > Control panel > Windows Update หรือ Automatic update

ขั้นต่อมา ให้ทำการปิด Firewall (หากมีการเปิดไว้) ทั้งในส่วนของตัวโปรแกรม Windows (ไปที่ Start > Control panel > Windows Firewall) และถ้ามีการลงโปรแกรม Firewall เพิ่มเิติม ให้ทำการ Uninstall ออกไปก่อนนะครับ

ขั้นตอนสุดท้าย ให้คุณทำการล้างค่าการใส่ Password ในตอนที่เปิดเครื่องก่อน โดยไปที่ Start > Control panel > User Account แล้วทำการยกเลิกรหัสผ่าน (Password)

เสร็จแล้วลอง Restart เครื่องดูสักครั้งหนึ่งนะครับ น่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ครับ

**หากคุณสามารถเข้าได้ในระดับ Administator ให้คุณทำการยกเลิก Password ที่ต้องใส่ก่อนเข้าสู่ระบบก็ได้ครับ :)

การแก้ปัญหาไวรัส (ไฟล์หาย,ไฟล์ถูกซ่อน,มองไม่เห็นไฟล์)


วันนี้อยากเอาปัญหาหนึ่งที่ผมเพิ่งเจอมาสดๆ เลย ก็คือแฟลชไดร์วของผมมองไม่เห็นไฟล์และโฟลเดอร์ทั้งหมดครับ วันนี้ผมเลยเอาวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดจากไวรัสทำให้ไฟล์หาย,ไฟล์ถูกซ่อน,มองไม่เห็นไฟล์

เนื่องจาก ผมเอาแฟลชไดรว์ของผมไปปริ้นต์งานที่ร้านรับถ่ายเอกสารแห่งหนึ่ง ปรากฎว่า ติดไวรัสที่ซ่อนไฟล์ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ในแฟลชไดร์ว (ทั้งๆ ที่คอมพิวเตอร์แสดงปริมาณข้อมูลในแฟลชไดร์วอยู่) ซึ่งการแก้ปัญหาในเบื้องต้นก็คือ การใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสในการทำการสแกนค้นหาและกำจัดไวรัส ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้ว ไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆ ก็ยังคงมองไม่เห็น หากคุณเจอปัญหานี้เหมือนผม ให้ดำเนินการตามนี้เลยนะครับ

ขั้นการแก้ปัญหาไวรัส (ไฟล์หาย,ไฟล์ถูกซ่อน,มองไม่เห็นไฟล์)

เมื่อคุณทำการสแกนไวรัสแล้ว ให้คุณทำการเปิดโปรแกรม Command Prompt (โดยอาจจะค้นหาในคอมพิวเตอร์ด้วยคำว่า cmd ก็ได้ครับ)

เมื่อเปิดมาจะเจอโปรแกรมนี้ตามรูปด้านล่างครับ



ให้คุณเปิดดูหน้า My Computer ดูนะครับว่า แฟลชไดร์วที่โดนซ่อนไฟล์เสียบอยู่ที่ไดร์วไหน ตัวอย่างตามรูปด้านล่างนะครับ แฟลชไดร์วของผมเสียบอยู่ที่ไดร์ว F ครับ ก็ให้คุณพิมพ์คำว่า F: แล้วกด enter (ตามหมายเลข 1) นะครับ



สังเกตว่า ตรงหมายเลข 2 จะเป็นชื่อไดรว์ที่เราเสียบแฟลชไดรว์ครับ ให้คุณพิมพ์คำสั่งดังนี้ครับ (อย่าลืมเว้นช่องไฟตามที่พิมพ์ไว้เลยนะครับ)
attrib *.* -s -h -a -r /d /s

กด enter ครับ แล้วรอสักครู่ คำสั่งนี้จะทำการยกเลิกซ่อนไฟล์ทุกไฟล์ในแฟลชไดรว์ครับ รอสักครู่หนึ่ง (สังเกตว่าไฟสถานะตรงแฟลชไดร์วจะกระพริบเร็วๆ นะครับ)

เมื่อเสร็จแล้ว ชื่อไดรว์จะแสดงขึ้นมาตามหมายเลข 3 ครับ

ลองเปิดดูในแฟลชไดร์วดูนะครับ จะเห็นได้ว่า มองเห็นไฟล์ที่ถูกซ่อนและมองไม่เห็นแล้วครับ :)

วิธีแก้ปัญหา โฆษณาแปลกๆ ใน Facebook


สำหรับผู้ใช้งาน Facebook อาจจะคุ้นกันโฆษณาของ Facebook ที่มักจะเรียงอยู่ด้านขวามือของจอ แต่เคยเจอไหมครับที่มีโฆษณาแปลกๆ ไม่ใช่ของ Facebook โผล่มาด้วย วันนี้ทางมานาคอมพิวเตอร์ขอแนะนำแนวทางการแก้ปัญหานี้นะครับ

โฆษณาแปลกๆ ที่ว่ามักจะเป็นอย่างรูปด้านล่างนี้ครับ



สาเหตุของการมีโฆษณาแปลกๆ ทางด้านซ้ายก็เนื่องจากมา เครื่องของคุณโดน "มัลแวร์" (Malware) แฝงตัวเข้ามาครับ โดยในกรณ๊จะเป็นการแอบเอาโฆษณามาติดไว้ที่หน้า Facebook ของคุณครับ เมื่อคุณคลิ้กก็จะเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนที่แอบปล่อยมัลแวร์เข้ามาครับ ซึ่งนี่เป็นแค่กรณีเริ่มต้นนะครับ หนักๆ นี่เจอเข้ามาป่วนระบบคอมพิวเตอร์เลยครับ

แล้วเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร? จากการสังเกตของผมจะพบว่า มักจะเกิดในโปรแกรมท่องเว็บที่สามารถติดตั้งส่วนเสริมเพิ่มเติมได้ เช่น Firefox (เรียกส่วนเสริมนี้ว่า Add-ons) หรือ Google Chrome (เรียกส่วนเสริมนี้ว่า Extensions ครับ) ซึ่งหลายครั้งส่วนเสริมเหล่านี้ แม้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใชงานโปรแกรมท่องเว็บได้ดี แต่ผูผลิตส่วนเสริมหลายคนมักมีเจตนาไม่ดี แอบนำเอามัลแวร์แฝงเข้ามาในส่วนเสริมเหล่านี้เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองครับ

วิธีการแก้ไขปัญหานี้ สำหรับผู้ใช้งาน Google Chrome ให้คุณเข้าไปที่ส่วนการตั้งค่าตรงมุมขวาบน (หมายเลข 1 ) คลิ้กแล้วเลือกที่ Tools (หมายเลข 2) แล้วเลือกที่ Extensions (หมายเลข 3)



หน้าต่อมาจะเป็นรายละเอียดของส่วนเสริมแต่ละตัว ให้คุณไล่ลบส่วนเสริมทีละตัวที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุของมัลแวร์โฆษณาตัวนี้ (ส่วนผมลบหมดทุกตัวเลย) เสร็จแล้วลองปิดโปรแกรมนี้แล้วเปิดอีกทีครับ โฆษณาแปลกๆ ก็จะหายไปครับ

ส่วนผู้ใช้งาน Firefox ก็ให้ไปที่ มุมซ้ายบนคลิ้กเลือก Add-ons เมื่อขึ้นหน้าต่างใหม่ให้คลิ้กที่แท็ป Extensions แล้วให้ทำการลบ Add-ons โดยคลิ้กที่ Remove เลยครับ

แค่นี้ก็ช่วยแก้ปัญหาเจอโฆษณาแปลกๆ ได้แล้วครับ

แนวทางการแก้ไขปัญหา 3G บนมือถือช้าหรืออืด


ต้องยอมรับว่า ผุ้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ มีแนวโน้มการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการดู Youtube บนมือถือ,การแชร์รูปภาพหรือสเตตัสบนแอพเครือข่ายออนไลน์อย่าง Facebook,Twitter หรือ Instagram ทำให้หลายท่านพบกับปัญหา การใชงานอินเทอร์เน็ตบนมือถือหรือแทบเล็ตมีปัญหาในบางช่วงเวลา เช่นเน็ตอืด,ช้า หรือบางครั้งก้เชื่อมต่อไม่ได้เลย วันนี้ทาง iT7Up จะขอแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ เผื่อว่าจะช่วยคุณได้ไม่มาก็น้อยครับ

สาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดปัญหา 3G บนมือถืออืดหรือช้านั้นมักเกิดมาจาก

  • ปัญหาจากเครือข่ายที่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้

  • มีการแย่งใช้สัญญาณเครือข่ายมือถือกันในบางช่วงเวลา เช่น ตั้งแต่ 17.00 - 20.00 น.

  • ปัญหาจะตัวโทรศัพท์มือถือหรือแทบเล็ตเอง เช่น มีการเปิดใช้งานแอพจำนวนมาก ทำให้เกิดการค้างหรือไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

วิธีการแก้ไขปัญหา 3G บนมือถือช้าหรืออืด

ขั้นแรกให้คุณลองตรวจสอบว่า มือถือหรือแทบเล็ตของคุณมีการเปิดใช้งานโปรแกรมหรือแอพจำนวนมากหรือไม่? หากมีเปิดใช้งานเยอะ ให้ทำการปิดโปรแกรมหรือแอพที่ไม่ได้ใช้งานขณะนั้น หรือใช้แอพพลิเคชั่นที่ช่วยจัดการระบบ Task Manager (ลองค้นหาดูใน Google Play หากคุณใช้ Android หรือใน App Store หากคุณใช้ iPhone,iPad หรือ iPod ด้วยคำว่า "Task Killer")

หากปิดแอพหรือโปรแกรมบางตัวแล้ว เครื่องยังมีอาการค้าง อาจจะเป็นที่หน่วยความจำไม่พอ ให้คุณลองหาแอพเกี่ยวกับการทำความสะอาดเครื่อง หรือเคลียร์ไฟล์แคช หรือไฟล์ขยะที่ยังแอบซ่อนอยู่ (ค้นหาด้วยคำว่า "Cleaner" ใน Google Play หรือ App Store)

หากลองดูทั้งสองวิธีแล้วยังไม่หาย ขอแนะนำให้คุณลองทำการปิดเครื่องทิ้งไว้สัก 30 วินาที แล้วค่อยเปิดเครื่อง พร้อมลองทำการเชื่อมต่อใหม่ครับ

หากปัญหาเกิดจากเครือข่าย ให้ลองแก้ไขปัญหาตามแนวทางนี้ครับ

ขั้นแรก ให้คุณพยายามหลีกเลี่ยงการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือในช่วงเวลาที่คนใช้เครือข่ายกันเยอะ อย่างที่เห็นๆ เลยก็คือช่วงเวลาที่คนเลิกงานกำลังเดินทางกลับบ้าน (17.00 - 20.00 น.) เพราะผมสังเกตว่า ไม่สามารถจะใช้อินเทอร์เน็ตในช่วงเวลานี้อยู่บ่อยๆ ครับ

หากมีความจำเป็นต้องใช้งาน ให้ลองปรับโหมดการเชิ่อมต่ออินเทอร์เน็ตจาก 3G (หรือ WCDMA) มาเป็นแบบ 2G (หรือ GSM) แม้ความเร็วจะด้อยกว่า แต่ก็สามารทำการเชื่อมต่อได้ดีกว่า 3G ในหลายๆ ครั้งครับ

อีกวิธีหนึ่ง ให้คุณลองเปลี่ยนการเชื่อมต่อจากสัญญาณ 3G มาเป็นการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi ในกรณีที่คุณอยู่ในย่านชุมชนและไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายไปไหน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi แบบไม่จำกัดที่รายเดือนราคาไม่กี่สิบบาทถึงร้อยบาทให้เลือกไม่น้อยครับ

ในช่วงที่เรายังไม่มี 3G จริงๆ บนคลื่นความถี่ 2100 MHz ใช้ ก็ลองแก้ปัญหาตามนี้่ไปกันก่อนนะครับ